ออสการ์ ตาบาเรซ กำลังพาทีมชาติอุรุกวัย ทำศึกโคปา อเมริกา 2021
ภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมาคือ ตาบาเรซ ลงคุมทีมข้างสนาม แม้สุขภาพของเขาจะไม่เอื้ออำนวยมากเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความมืออาชีพ ชนิดที่เป็นแบบอย่าง ให้กับคนรุ่นหลังได้ นี่ถือเป็นตำนานวงการฟุตบอล อุรุกวัย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตาบาเรซ กำลังลุ้นพาทีมชาติอุรุกวัย คว้าแชมป์ โคปา อเมริกา มาครองอีกครั้ง หลังจากเคยทำได้มาแล้วในช่วงปี 2011 กระนั้น เส้นทางมันก็ไม่ง่ายดายเลย เมื่อพวกเขาประเดิมทัวร์นาเมนต์ ด้วยการพ่ายต่ออาร์เจนติน่า อย่างหวุดหวิด 0-1 แต่ยังคงเหลือเส้นทางที่ให้พิสูจน์ตัวเอง
ช่วงนี้ เราลองไปตามติดชีวิต และกิจวัตรในการกุมบังเหียนของตาบาเรซ รวมถึงอุปสรรคสำคัญต่างๆ ที่เข้ามาในช่วงการทำหน้าที่การเป็นผู้จัดการทีม โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพ และอาการเจ็บป่วย ที่หลายคนมองว่า การพยายามเอาชนะสิ่งเหล่านี้ ทำให้ตาบาเรซ กลายเป็นคนที่ถูกมองว่า เปี่ยมไปด้วยแพสชั่นในลูกหนังอย่างแท้จริง
“บางครั้งผมก็เดินได้ บางครั้ง ผมก็เดินไม่ได้” ตาบาเรซ เริ่มเล่าความเป็นไปเกี่ยวกับตัวเอง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โลกลูกหนังยังคงหมุนเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว จนในบางครั้งบางคราว การเปลี่ยนแปลงก็เข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้เป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น ที่จะเห็นผู้จัดการทีมสักหนึ่งคน ลงหลักปักฐานกับทีมใดทีมหนึ่ง เป็นระยะเวลานาน หากว่าผลงานไม่เป็นตามเป้าหมาย การโยกย้ายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
สำหรับตาบาเรซ นี่คือการกุมบังเหียนทีมชาติอุรุกวัย 15 ปีเต็มแล้ว หรือนับตั้งแต่ช่วงปี 2006 ท่ามกลางอุปสรรคมากมาย ที่เข้ามาทักทายระหว่างทาง ด้วยอายุที่ล่วงเลยมาถึง 74 ปีเต็ม เขายังคงทำหน้าที่โค้ชต่อไป แม้ว่านี่คือวัยที่หลายคนเลือกที่จะเกษียณตัวเอง หรือว่าลงมือทำ ในสิ่งที่ไม่สุ่มเสี่ยงต่อสุขภาพแล้วก็ตาม
นอกจากปัจจัยเรื่องอายุแล้ว เขายังมี “กิลแลง–บาร์เร ซินโดรม” (Guillain–Barré syndrome) เป็นอีกหนึ่งแบบทดสอบในชีวิต โรคที่กล่าวมาข้างต้นนั้น คือโรคหายาก ที่คอยโจมตีระบบประสาทของร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ทั้งแขน และขา ลุกลามจนถึงขั้นเป็นอัมพาต นี่คือความสุ่มเสี่ยงที่ตาบาเรซ ต้องเผชิญหน้าอยู่ทุกวัน แต่เขาก็น้อมรับมัน ด้วยการพยายามที่จะมองโลกในแง่ดีให้มากที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้
ดังนั้น เราจึงเห็นภาพที่ตาบาเรซ ต้องพยุงตัวเองด้วยไม้เท้า ทั้งตอนลงคุมลูกทีมลงฝึกซ้อม รวมถึงการวางแผนแท็คติกข้างสนามในวันแข่งจริง วันที่หนักหน่อย รถเข็นก็อาจจะเข้ามาเป็นตัวช่วย อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดในการก้าวขาไปข้างหน้า ไม่อาจทำให้แรงปรารถนา ในการคุมทีมของเขาลดน้อยลงเลย ตรงกันข้าม มันยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วย ไฟการทำงานอยู่เสมอ
ตาบาเรซ ออกมาบอกว่า อาการอย่าง “กิลแลง–บาร์เร ซินโดรม” ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเขาเหมือนกัน กระนั้น เขาก็ไม่ได้นำมันมาเป็นข้อจำกัด หรืออุปสรรคในการทำสิ่งต่างๆ เขาสามารถใช้ชีวิตกับมันได้ ควบคู่ไปกับการพยายามรักษษสุขภาพร่างกายอย่างสุดความสามารถ
เพราะหากว่าเขายอมแพ้ กับโรคนี้ หลายสิ่งหลายอย่าง ที่เขาลงมือทำด้วยความรัก อาจหลุดลอยหายไป กับสายลมก็ได้ ดังนั้น เขาต้องคอยปรับตัว และกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอ
“ผมไม่ได้อยู่กับความเจ็บปวดใดๆ” ตาบาเรซ เล่าต่อไป “แม้โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทนี้ ทำให้ผมเจอกับปัญหาเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเดิน ปัจจุบัน ผมใช้ไม้เท้าเพียงแค่อันเดียว บางครั้ง ผมก็ไม่ได้ใช้มัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพ ของพื้นที่เดินด้วย ด้วยความที่กิลแลง–บาร์เร ซินโดรม เป็นโรคเรื้อรัง ทำให้ผมมีอาการที่ดีขึ้น และแย่ลงสลับกันไป”
ตาบาเรซ บอกอีกว่า “สำหรับอาการป่วย ของผมนั้น ผมมีโอกาสคุยกับคนที่ต้องคุย ในเรื่องนี้แล้ว พร้อมกันนี้ คนในสมาคมฟุตบอล อุรุกวัย ที่ตำแหน่งอยู่เหนือผมขึ้นไป พวกเขาต่างรู้ดีว่า ผมอาจต้องเคลื่อนย้ายตัวเองด้วยรถเข็น”
“อย่างที่บอกไป บางวัน ผมก็มีอาการที่ดีขึ้นบ้าง โดยสามารถเคลื่อนไหว ได้ด้วยตัวเอง และบางวัน ผมไม่อาจจะทำแบบนั้นได้ แต่มันยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งในแง่การคุมทีมของผม รวมถึงการติดต่อสื่อสารกับนักเตะ”
ตาบาเรซ ออกมาทิ้งท้ายว่า การเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่ใช่ตัวชี้วัดผลงานการ คุมทีมชาติอุรุกวัย ของเขา แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า “ผลงานในสนาม” ต่างหาก นี่คือสิ่งที่เขาท่องจำให้ขึ้นใจ อยู่ตลอดเวลา เพื่อพัฒนาทีมให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับทำผลงาน ให้เป็นไปตามที่วางเป้าหมานเอาไว้
โดยบอกว่า “สำหรับผมแล้ว ผมอยากจะทำหน้าที่เป็นกุนซือทีมชาติอุรุกวัย ต่อไปเรื่อยๆ อย่างน้อย ก็จนกว่าผลลัพธ์ มันจะออกมาเป็นแบบอื่น เมื่อคุณเป็นผู้จัดการทีม คุณรู้ดีว่าทุกอย่าง มันขึ้นอยู่กับผลการแข่งขัน”
บางครั้งเดินได้ บางครั้งเดินไม่ได้ ถือเป็นเรื่องของ 2 ขา
แต่สำหรับ “หัวจิตหัวใจ” …. เขายังคงเดินหน้าอยู่เสมอ
คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล